ใส่เสื้อผ้ามิดชิด 1 ใน 10 นักเซิร์ฟมือใหม่ควรรู้

เรามักจะเห็นนักโต้คลื่นเท่ๆจากในหนังเหมือนกับว่าเป็นเด็กที่เติบโตที่หาดกันเลยทีเดียว ถอดเสื้อใส่เพียงกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำเพียงแค่นั้น โชว์กล้ามเท่ๆ ซิ๊กแพคมาเต็ม ทำให้ดูยิ่งอยากจะได้หุ่นแบบนั้นและเล่นแบบเขาให้ได้ แต่ความเป็นจริงๆแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำนะครับ เพราะว่าการเล่นโต้คลื่นมีชุดที่สมควรจะใส่อยู่แล้วเพื่อที่จะเซฟอะไรหลายๆอย่าง นั้นก็เป็นเหตุที่ว่าในหนังกับการเล่นจริงไม่เหมือนกัน

การเล่นโต้คลื่นนั้นเราจะต้องอยู่กลางทะเลเป็นเวลานานๆ ไหนจะสภาพแดดสภาพอากาศ แล้วก็ยังน้ำทะเลอีก เพราะฉนั้นการเล่นโต้คลื่นก็เลยมีชุดที่ค่อนข้างจะออกแบบมาให้มิดชิดมากๆเรียกได้ว่าเหลือแต่หัวอย่างเดียวเลยก็ว่าได้ที่เหลือโผล่ออกมา บางคนถึงกับใส่ไอ้โม้งเลยทีเดียว ซึ่งการที่ออกแบบชุดมาแบบนั้นให้มิดชิดแบบนั้นมีเหตุผลมากมายนัก

เรื่องแรกง่ายๆเลยคือการกันไม่ให้ผิวไหม้ เพราะว่าการเล่นโต้คลื่นนั้นจะอยู่กลางแดดอยู่ตลอด ไม่มีหรอกเล่นโต้คลื่นในร่มน่ะ แล้วด้วยความที่ว่าเป็นน้ำเกลือ ยิ่งเร่งปฏิกิริยาให้กับแดดที่เผาไหม้ผิวเราหนักขึ้นไปอีก นั้นก็เลยเป็นการเซฟที่ดีที่สุดด้วยการออกแบบชุดให้มิดชิด ส่วนเหตุผลต่อมานั้นก็คือความเป็นทะเลยังไงล่ะ การเล่นโต้คลื่นนั้นจะต้องมีตอนที่เรานอนแอ้งแม้งอยู่กลางทะเลบ้างแน่นอน

เพราะฉนั้นเสี่ยงต่อการเจอสัตย์มีพิษต่างๆอย่างเช่น แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเลต่างๆ หรือแม้แต่สิ่งที่มนุษย์ทิ้งกันลงไปอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ไม่สัมผัสกับผิวหนังเราโดยตรง นี่ก็ถือเป็นการเซฟที่ดีที่สุดแล้วเช่นกัน สุดท้ายตอนที่โต้คลื่นสูงๆเท่ๆแล้วสิ่งที่ตามมาคือการร่วงหล่นจากเซิร์ฟบอร์ด ซึ่งตอนนั้นแหละที่มีสิทธิที่เราจะตูมลงทะเลไปลึกพอที่จะเจอกับก้อนหิน หรือปะการังต่างๆ อาจจะโดนรุ่นแรงจะขูดเป็นแผลได้ ซึ่งชุดนี้ก็จะช่วยเป็นด่านหน้าในการโดนไปก่อน อาจจะทำให้ลดแผลทลอกลงไปบ้าง

 

สนับสนุนโดย  ตารางบอลพรุ่งนี้

ความเคลื่อนไหวตลาดนักเตะ

ช่วงนี้แฟนบอลหลายๆ คน คงได้แต่นั่งเฝ้ารอคอยว่าเมื่อไหร่ที่เชื้อไวรัสโควิดจะหมดลงสักที เพราะฟุตบอลโลกต้องหยุดการแข่งขันไปโดยปริยาย เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดของไข้ไวรัส แต่ข่าวคราวล่าสุดก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากฝั่งประเทศเยอรมันที่จะมีการปลดล็อกให้ฟุตบอลบุนเดสลีกากลับมาแข่งขันกันได้เร็ววันนี้ และเมื่อกระแสฟุตบอลเริ่มกลับมาอีกครั้ง ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของตลาดนักเตะก็เริ่มจุดประเด็นขึ้นมาด้วย การที่บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่เจ้าบุญทุ่มแห่งเสปน ต้องการจะหาตัวแทนของหลุยซ์ ซัวเรซ ที่เริ่มจะใกล้ปลดระวางแล้ว

โดยเล็งเป้าหมายไปที่ เลาตัวโร ศูนยหน้า นักเตะจากอินเตอร์มิลาน ด้วยจำนวนเงินมหาศาลพร้อมกับตัวแถมอีกสองตัว ส่วนยักษ์ใหญ่อีกทีมของเสปนอย่างราชันชุดขาว ที่มีข่าวแว่วออกมาว่า กำลังจะโละ แกเร็ธ เบล กับฮาเมส โรดิงเกวซ ซึ่งแนวโน้มดูแล้วว่ามีความเป็นไปได้สูงทีเดียว ส่วนฝั่งหงส์แดง ลิเวอร์พูลว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก ที่กำลังจะต่อสัญญากับไวนัลดุง ที่กำลังจะหมดสัญญาในอีกสองปีข้างหน้า

เพื่อกันไม่ให้คู่แข่งทีมอื่นๆ มาฉกลูกทีมของเค้าไป ส่วนข่าวคราวกองหน้าอย่างติโม แวร์เนอร์ ที่มีข่าวร่ำๆว่าจะย้ายมาที่ลิเวอร์พูลนั้น ตอนนี้สถานการณ์อาจไม่แน่นอน เพราะทางอินเตอร์มิลาน ก็แอบมองนักเตะคนนี้ไว้เช่นเดียวกัน หากทีมงูใหญ่ต้องเสีย เลาตัวโร ให้กับเจ้าบุญทุ่มบาร์ซ่า จริงๆ

ส่วนทางด้านปืนใหญ่ อาร์เซนอล นั้น มีข่าวดีที่จะได้ โทมัส ปาเต้ กองกลางของแอตมาดริด ส่วนวิลเลี่ยม ซาลีบา กองหลังจากแซงค์ เอเตรียน ที่มีการเซ็นกันไว้ล่วงหน้า และตามสัญญานั้นจะสามารถลงเล่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ในปีนี้ ดังนั้นจึงมีคำถามว่า หากฟุตบอลอังกฤษต้องมีการแข่งขันกันต่อนั้น ทางกองหลังคนนี้จะลงเล่นได้เลยมั้ย

ทางสมาคมฟุตบอลกฎของฟีฟ่า จึงได้แจ้งออกมาชัดเจนแล้วว่า การที่นักเตะกองหลังคนนี้จะได้ลงเล่นนั้นจะต้องเริ่มฤดูกาลใหม่ก่อนเท่านั้น ส่วนอีกคนในทีมอาร์เซนอล ที่มีโอกาสจะต้องเสียกองหน้าซุปเปอร์สตาร์นี้ให้กับทีมราชันชุดขาว อย่างโอบาเมยอง ที่กำลังใกล้จะหมดสัญญาในฤดูกาลหน้า ซึ่งตอนนี้ทางปืนใหญ่กำลังทำทุกวิธีทางเพื่อรั้งกองหน้าคนสำคัญนี้ให้อยู่กับทีมให้ได้

ไม่ว่าจะต้องจ่ายค่าเหนื่อยเท่าไหร่ เพราะดูจากสถานการณ์ล่าสุดมีโอกาสมากเหลือเกินที่จะประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเสียนักเตะดีๆ ไปเหมือนที่เคยเสียโรบิน ฟาน์เพอรี่ซี่ ให้กับแมนยู ด้วยสาเหตุที่ล่าช้าต่อการต่อสัญญา

 

 

สนับสนุนโดย  Gclub ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

พรีเมียร์ลีก รีสตาร์ท

หลังจากเกมมันเดย์ไนท์ ในคืนวันที่ 9 มีนาคม ที่เป็นการพบกันระหว่างทีม เลสเตอร์ กับทีมแอสตันวิลล่า ที่จบสกอร์ไปด้วยผลการแข่งที่ 4 – 0 ซึ่งเป็นแมทช์สุดท้ายก่อนที่ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะถูกระงับการแข่งขันไปด้วยภาวะผลกระทบจากไข้ระบาดของโควิด-19 ซึ่งนับจากนั้นจนถึงตอนนี้ก็กินเวลาไปเกือบหนึ่งเดือนครึ่งแล้วที่ไม่มีการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นอีก

แต่ข่าวความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ทางศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก จะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในวันที่ 8 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ และทางภาครัฐบาลของอังกฤษก็พร้อมที่จะสนับสนุน

การรีสตาร์ท ของพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ด้วย และจากท่าที่ของรัฐบาลของอังกฤษนั้น ก็สอดคล้องความเคลื่อนไหวของหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็นทีมอย่างอาร์เซนอล ทีมไบร์ทตัน หรือทีมเวสต์แฮม ซึ่งได้มีการเรียกนักเตะกลับเข้าแคมป์สโมสรมาฝึกซ้อมกันแล้ว แต่ยังเป็นการซ้อมแยกแบ่งกลุ่มย่อยๆ ตามแนวทางการรักษาระยะห่างทางสังคม และถ้าหากรัฐบาลไฟเขียวเมื่อไหร่ การซ้อมแบบเต็มรูปแบบก็น่าจะเกิดขึ้นช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงต้องหารือถึงมาตรการและแนวทางปฏิบัติต่างๆ ที่หากพรีเมียร์ลีกจะกลับมาลงแข่งขันกันอีกครั้งหนึ่ง โดยมาตรการแรกที่ค่อนข้างแน่นอนคือ ต้องแข่งขันกันแบบสนามปิด และจำกัดจำนวนผู้ที่ได้รับสิทธิการเข้าสนาม โดยมีการคาดการณ์กันว่าจะมีคนเข้าสนามได้เพียงสามร้อยคนในแต่ละนัด ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอล ทีมงานสโมสร ผู้ตัดสิน สื่อมวลชน ทีมถ่ายทอดสด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขันและอื่นๆ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีข้อปฏิบัติอีกหลายอย่างที่ต้องกำหนดออกมาอย่างชัดเจน เพื่อให้พรีเมียร์ลีกสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างปลอดภัย เพราะถ้าหากเกิดการระบาดซ้ำ โดยมีสนามฟุตบอลเป็นจุดแพร่เชื้อขึ้นมา ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอาจจะกลายเป็นจำเลยสังคมไปในทันที และอาจจะนำมาสู่มาตรการถูกตัดจบฤดูกาลไปเลยก็เป็นได้ และในขณะเดียวกัน ทางพรีเมียร์ลีกเองอาจมีเวลาได้ศึกษา ศึก

บุนเดสลีกา ของประเทศเยอรมนี เป็นตัวอย่าง เพราะลีกลูกหนังเมืองเบียร์ได้ประกาศแล้วว่า พวกเขาพร้อมกลับมาลงสนามแล้ว ขอเพียงรัฐบาลเปิดไฟเขียวอนุมัติเท่านั้น ซึ่งถ้าฟุตบอลเยอรมัน กลับมาเตะได้ก่อนนี้อาจจะกลายเป็นโมเดลตัวอย่างให้ลีกอื่นๆ ปฏิบัติตาม หากว่าแนวทางการปฏิบัติของพวกเค้านั้นได้ผล และหลังจากนี้คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พรีเมียร์ลีกและรัฐบาลอังกฤษจะกำหนดมาตรการและวันแข่งขันที่แน่ชัดอย่างเป็นทางการออกมาได้เมื่อไร แต่ตอนนี้กาปฏิทินรอไว้ก่อนเลยว่า ศึกฟุตบอลที่มีแฟนบอลทั่วโลกดูมากที่สุดกำลังจะกลับมาแล้ว

 

การกินอาหาร 1 ใน 10 นักเซิร์ฟมือใหม่ควรรู้

อย่างที่เคยพูดไปในเรื่องของการเผาพลาญจากการเล่นกีฬาประเภทนี้ ซึ่งมีอัตราการเผาผลาญที่สูงมากๆเลย ดังนั้นเรื่องอาหารการกินจึงเป็นสิ่งที่ควรจะคำนึงถึงก่อนที่เราจะลงไปเล่นกี่ฬาโต้คลื่นนี้ ไม่ใช่ว่าเราไปนอนบังกะโล แล้วตื่นมาแต่เช้าเห็นอากาศดีๆแล้วจับบอร์ดไปโต้คลื่นได้เลย ไม่ใช่นะครับ นั้นเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเลยถ้าเกิดพลังงานในร่างกายที่เราสะสมมานั้นหมดกลางทะเลแล้วล่ะก็ ทำให้หน้ามืดเป็นลม จะไม่มีแรงกลับเข้าฝังเอา

เรื่องการกินนั้นปกติแล้วก็เป็นเรื่องใหญ่ของกีฬาในทุกๆประเภทเลยล่ะ เพราะการออกกำลังกายนั้นเป็นการใช้พลังงานมาเผาพลาญอย่างหนัก ถ้าเกิดมาพลังงานหมดก็มักจะต้องดึงพลังงานจากไขมันส่วนเกินแล้วก็กล้ามเนื้อมาใช้ ซึ่งตรงจุดนี้เองจะทำให้คนที่เพิ่งเล่นกีฬาเข้าใจผิดกันเยอะว่าไม่ต้องกินเยอะมากแล้วให้มันเผาพลาญสิ่งที่เราไม่อยากให้มีออกไปให้หมด

โดยเฉพาะไขมันส่วนเกินที่หน้าท้อง อยากจะบอกเลยว่ามันไม่ดีเลยล่ะ เพราะก่อนที่ร่างกายจะเอาพลังงานจากสิ่งที่เราอยากให้หายไปมาใช้นั้น จะเป็นการเอาพลังงานจากอาหารมาใช้ก่อน แสดงว่าอาการในตอนที่ร่างกายเอาส่วนอื่นมาเผาพลาญนั้น ร่างกายจะมีอาการแปลกๆอยู่เสมอๆ อาจจะเป็นอาการหน้ามืด หรืออาการอื่นๆอีกอย่างเช่นสิ่งที่อันตรายอย่างที่สุด คืออาการของกล้ามเนื้อ

ถ้าเป็นตะคริวละก็อยู่กลางทะเลแล้วไม่ต้องสืบเลย จมอย่างแน่นอนเป็นอันตรายอย่างมากนะ เพราะฉนั้นควรทานให้ได้เยอะพอที่เป็นพลังงานให้เราไปเล่นได้ สิ่งที่สำคัญก็ลองไปศึกษาดูว่าอาหารประเภทใดเป็นอาหารที่ใช้พลังงานได้เลย อย่างที่ผมเคยใช้แล้วดีที่สุดก็คือ กล้วย หรือขนมปังต่างๆ หรือจะเป็นพวกน้ำหวานที่มีกลูโคสเยอะๆ แล้วที่สำคัญที่สุดคือน้ำปล่าวซึ่งต้องมีประมาณมากพอที่จะไปเป็นเหงื่อให้กับเราเพื่อใช้ในการระบายความร้อนออกจากร่างกายกันด้วย เพราะฉนั้นอย่างลืมทานอาหารให้เพียงพอด้วย

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  แทงบอลออนไลน์

ออกกำลังกายลดหน้าท้อง

ปัญหาหน้าท้องเป็นปัญหาใหญ่ของทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็เกิดปัญหาหน้าท้องที่ยื่นออกมาทำให้เกิดการเสียความมั่นใจเมื่อสวมเสื้อผ้าและบางครั้งก็อาจจะนำมาซึ่งโรคภัยต่างๆด้วย การออกกำลังกายเพื่อลดปัญหาหน้าท้องนั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรตระหนักถึงและให้ความสำคัญอย่างมาก

ปัญหาหน้าท้องนั้นเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย ยิ่งถ้าเริ่มอายุเยอะขึ้นปัญหาหน้าท้องนั้นก็จะมากขึ้นและลดยากด้วย และสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้หน้าท้องเหล่านี้นั้น ปัญหาหลักๆคือการบริโภคอาหาร อาจจะมีการบริโภคอาหารจำพวกไขมันในปริมาณที่มากเกินไปและเกิดการสะสมของไขมันที่หน้าท้องนั่นเอง

ดังนั้นการลดปัญหาหน้าท้องเรื่องที่ต้องทำหลักๆคือการควบคุมอาหารโดยไม่กินอาหารจำพวกไขมันในปริมาณที่มากเกินไป และการออกกำลังกายควบคู่ ซึ่งการออกกำลังการเพื่อลดปัญหาหน้าท้องนั้นนั้นก็มีด้วยกันอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่แนะนำและรับรองว่าได้ผลที่สุดคือการคาร์ดิโอนั่นเอง 

การคาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายเพื่อลดไขมันทั้งนี้หน้าท้องเรานั้นที่เป็นปัญหา คือไขมันที่เกิดจากการสะสมเมื่อเราบริโภคอาหารประเภทไขมันในปริมาณมากกว่าที่ร่างกายกำหนดและมีการสะสมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ดังนั้นการคาร์ดิโอจึงเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยในการลดไขมันได้ดีที่สุด การคาร์ดิโอในการลดหน้าท้องนั้น ก็เช่น การวิ่งเพราะการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ได้มีการเผลาผลาญของร่างกายทุกส่วน รวมถึงหน้าท้องด้วย และการวิ่งนั้นจะต้องวิ่งให้ถูกวิธีไม่อย่างนั้นก็จะไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดี การวิ่งหากต้องการลดไขมันที่หน้าท้องควรจะวิ่งแบบจ็อกกิ้ง หรือการวิ่งเหยาะๆ

และใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 40 นาทีขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญการวิ่งแบบจ็อกกิ้งนั้นเป็นการวิ่งแบบช้าๆ แต่เน้นระยะเวลาที่ยาวนานเพราะการใช้เวลาช้าๆแต่นานเป็นวิธีการที่ช่วยเผาผลาญและลดไขมันหน้าท้องนั่นเอง แล้วการวิ่งเร็วสามารถวิ่งได้ไหม ตอบเลยว่าได้แต่การวิ่งเร็วๆแต่ใช้ระยะเวลาสั้นนั้น เป็นการออกกำลังกายที่ยังไม่มีการเผาผลาญของไขมันนั่นเอง การวิ่งจ๊อกกิ้งจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดปัญหาหน้าท้องมากกว่าการวิ่งเร็วๆนั่นเอง

นอกจากการวิ่งแล้วการออกกำลังกายชนิดอื่นๆ เช่นการเวท ก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยลดหน้าท้องได้เช่นกัน การเวทจะเป็นการออกกำลังกายด้วยท่าต่างๆ เราก็ต้องเลือกท่าเล่นให้เหมาะสมกับตัวเราและสรีระเราด้วยการเวทหน้าท้องคือการเกร็งหน้าท้องดังนั้นการเวทคือการเปลี่ยนไขมันไปเป้นกล้ามเนื้อนั่นเองก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยลดปัยหาหน้าท้องเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย  ufabet

Sport (ด้านมืดวงการฟุตบอลฟีฟ่า)

สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศหรือฟีฟ่านั่นเอง ซึ่งองค์กรฟีฟ่าเป็นองค์กรที่ดำเนินกีฬาฟุตบอลระหว่างประเทศและเป็นองค์กรณ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยสำนักงานจัดตั้งอยู่ที่เมืองซูริคประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในเมืองที่เป็นกลางที่สุด อย่างที่รู้กันดีว่าฟีฟ่ามีหน้าที่ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศขึ้นมาและฟุตบอลโลกซึ่งถือเป็นงานที่ใหญ่มากๆ ถึงอย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเราสามารถเห็นได้ว่าฟีฟ่านั้นมีแต่ด้านแย่และมีผลประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

ด้านมืดของวงการฟีฟ่าฟุตบอลโลกในการ์ตา ที่ได้มีการเลือกจากสมาชิกให้ประเทศการ์ตามาเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันในปี2022ซึ่งเรื่องทั้งหมดเหมือนดูเป็นเรื่องปกติ แต่ที่จริงแล้วในตะวันออกกลางนี้ไม่เคยจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกมาก่อนแต่มีอยู่ทีมหนึ่งที่เคยไปมาก่อนคืออิยิป ซึ่งตะวันออกกลางนั้นไม่มีปัจจัยอะไรเลยสักอย่างที่จะจัดแข่งขันฟุตบอลโลกแต่ทำไมฟีฟ่าถึงเลือกประเทศการ์ตา

อาจจะเป็นเพราะการ์ตาเงินถึงจึงถูกเลือกก็เป็นได้และในฤดูร้อนนั้นกาตาร์ ร้านมากถึง43องศาเลย แต่เรื่องทั้งหมดถูกแก้ปัญหาด้วยแอร์ขนาดใหญ่ที่สนามกีฬาในการ์ตากำลังสร้างมีการติดแอร์ทุกเก้าอี้และทุกที่นั่ง ประเทศการ์ตานั้นถึงจะเป็นเพียงประเทศเล็กๆก็ตามแต่เค้ามีโครตอภิมหาเศรษฐีอยู่ในประเทศของเค้านั่นเอง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอาจจะมีการยกเลิกฟุตบอลที่การ์ตาก็ได้และอาจจะหันไปหนุนอเมริกาแทน 

การบังคับให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ โดยมีเบียร์ยี่ห้อหนึ่งที่เป็นผู้สบับสนุนหลักของฟีฟ่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นผลประโยชน์ล้วนๆเพื่อที่จะสามารถเอาเบียร์เข้าไปขายที่สนามกีฬาได้โดยเบียร์เจ้าอื่นนั้นไม่สามารถขายได้เพราะไม่ได้มาเป็นสปอนเซอร์ให้กับฟีฟ่านั่นเอง ปัญหาในเรื่องแอลกอฮอร์นั้นแน่นอนว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งในปีที่ประเทศบลาซิลเป็นเจ้าภาพเค้าได้มีการห้ามในการขายเครื่องดื่มมึนเมาหน้าสนามกีฬาแบบห้ามขายเด็ดขาดเลย เพราะเจ้าหน้าที่สนามเชื่อกันว่าเครื่องดื่มมึนเมาอาจจะทำให้มีการก่อเหตุทะเลาะวิวาทได้

โดยปัญหาการขายเครื่องดื่มมึนเมานี้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ของรับบาลบราซิลเลยทีเดียวซึ่งมีการลืมว่าอาจจะมีเบียร์ยี่ห้ออื่นให้การสนับสนุนฟีฟ่าอีกก็เป็นได้ ทำให้เลขาธิการฟีฟ่าต้องมีการออกมาแก้ข่าวว่าสามารถกินได้แต่ต้องใช้เป็นแก้วพลาสติกเท่านั้นและมีการขอโทษและรัฐบาลบราซิลจึงยกเลิกการห้ามขายเบียร์ในที่สุด

ศาลพิเศษฟีฟ่า ใครจะเชื่อว่าแอฟฟริกาใต้จะได้เป็นเจ้าภาพบอลโลกเพราะประเทศเต็มและด้วยปัญหามากมายซึ่งขณะแข่งมีการเกิดการแทงกันในห้องน้ำสามารถไปขึ้นศาลได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งความ ผู้ที่เสียหายที่เป็นชาวต่างชาติจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่มีความผิดปกติอยู่หลายๆเรื่องจึงสรุปได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้นั้นเป็นด้านมืดของวงการฟีฟ่านั่นเอง

เตบาสเผยฟุตบอลลีกตั้งเป้าเตะกลางเดือน พค

ฟุตบอลลีกใหญ่ทั่วทวีปยุโรปมีแผนที่จะออกสตาร์ทกันในเดือนพฤษภาคม และตั้งเป้าจะจบฤดูกาลกันวันที่ 30 มิถุนายน จากการประกาศออกมาของประธาน ลาลีกา ฮาเบียร์ เตบาส

ฟุตบอลลีกทั่วทวีปยุโรปเวลานี้เกิดการแพร่กระจายของไวรัส โคโรน่า โดยทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษได้ประกาศว่าจะเริ่มเตะกันในวันที่ 30 เมษายนนี้

ยูฟ่าที่มีท่านประธานบอลสเปน อย่างเตบาส และประธานพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลลีกอื่นๆ ทั่วทวีปยุโรปได้วางแผนว่าฟุตบอลจะยังคงมีแข่งขันกันต่อไป 

เตบาสกล่าวต่อมาร์ก้าว่า อย่างน้อยกลางเดือนพฤษภาคม ฟุตบอลลีกทั่วทวีปยุโรปจะลงสนามแข่งขันกันอีกครั้ง แต่ว่าก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าไวรัสโคโรน่าจะแพร่กระจายที่ประเทศไหนร้ายแรงกว่ากัน 

มันควรจะต้องเป็นอย่างนั้น การแข่งขันต้องดำเนินต่อไป เตบาสกล่าวว่าการแข่งขันของฟุตบอลลีกยุโรปที่เลื่อนไปทำให้การจัดการต่างๆ มีความยุ่งยาก และเราต้องเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการออกไปรวมถึงฟุตบอลยุโรป ยูโร 2020 ที่จะแข่งปี 2021

แต่เราก็ได้วางแผนการคร่าวๆ แล้วว่าการแข่งขันจะเริ่มช่วงไหนและสิ้นสุดกันในช่วงไหน จุดประสงค์หลักคืออย่างน้อยกลางเดือนพฤษภาคมเราจะต้องลงสนามเตะฟุตบอลลีกกันได้แล้ว และอย่างน้อยต้องลงสนามอย่างล้าช้าที่สุดคือปลายเดือนพฤษภาคม (วันที่ 30 พฤษภาคม)  ตามแผนการที่วางไว้

ซึ่งแผนการนี้คือขึ้นอยู่กับว่าจะต้องมีแข่งขันฟุตบอลในรอบเพลย์ออฟบ้าง ส่วนแชมเปี้ยนส์ลีกยังคงแข่งกันในช่วงสุดสัปดาห์นี้

เมื่อเราต้องการลงสนามแข่งขันอีกครั้ง เราจะต้องได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ ทางการแพทย์ว่าทุกอย่างโอเคแล้ว มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับวงการฟุตบอลเลย ขึ้นอยู่กับสาธารณสุขล้วนๆ และการจัดการของรัฐบาลแต่ละประเทศ ถ้าพวกเขาการันตีว่าปลอดภัยแข่งขันได้ ก็คงต้องรีบแข่งขันทันที 

ผมคิดว่าจะมีการทำงานร่วมกันในฟุตบอลลีกกว่า 30 ประเทศ มันขึ้นอยู่กับองค์กรดานสาธารณสุข ว่าจะให้เปิดสนามแข่ง ปิดสนามแข่ง หรือเล่นกันในสภาพอื่น

เราคงไปกำหนดวันที่ที่แน่นอนไม่ได้ รวมถึงการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปที่ยังคาราคาซังกันอยู่ และอย่างไรก็ตามเราพยายามจัดสรรปฏิทินการแข่งขันให้ใกล้เคียงกับรูปแบบปกติมากที่สุด

ด้วยสถานการณ์ของไวรัสโคโรน่าที่ไม่เคลียร์ เราก็ต้องเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของนักเตะ, สตาฟฟ์โค้ช, แฟนบอล เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

อย่างไรก็ตามหากว่าสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาในยุโรปไม่ดีขึ้นคาดว่า สโมสรฟุตบอลปวดหัวแน่นอนเกี่ยวกับเรื่องสัญญานักเตะที่จะหมดลงวันที่ 30 มิถุนายนและเรื่องทีมแชมป์ลีกของแต่ละประเทศว่าจะเอาอย่างไรดี ก็ต้องรอดูสถานการณ์ของไวรัส covid-19 กันวันต่อวันเลยทีเดียว

นักเตะที่บาร์เซโลน่ายอมลงทุนด้วย

หากจะพูดถึงยอดทีมฟุตบอลในสเปนแล้วหล่ะก้อ คงหนีไม่พ้นยอดทีมอย่างบาร์เซโลน่า เจ้าบุญทุ่มยักษ์ใหญ่ในลาลีกาสเปน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เล่นระดับคุณภาพคับแก้วอย่างมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของทีมราชันชุดขาว รีลมาดริด คู่ปรับคู่แค้นตลอดกาล แต่ยังไงก็แล้วแต่ ต่อให้เป็นยอดทีมแค่ไหน การที่จะให้ทีมมีขีดความสามารถที่จะต่อกร และเป็นเต้ยต่อทุกทีมได้นั้น ก็ต้องมีการเสริมทัพเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมตัวเองตลอดเวลา ไม่ใช่แต่จะใช้ผู้เล่นชุดเดิมๆ ไปตลอดทุกฤดูกาล เพราะจะทำให้คู่แข่งและคู่ปรับของพวกเค้าจับทางการเล่นได้

ซึ่งแน่นอน ทีมอย่างบาร์ซ่า เองนั้น ก็ต้องมีการเสริมทัพกันบ้าง ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นที่ทีมอย่างบาร์ซ่า จะยอมลงทุนด้วยเพื่อให้สมกับศักยภาพของทีมเพราะนั่นต้องเป็นผู้เล่นที่มีชื่อและเหมาะกับทีมด้วย เรามาดูกันเป็นรายบุคคลกันว่าใครที่ย้ายมาแล้วถือว่าเหมาะคู่ควรค่ากับทีมอย่างบาร์เซโลน่า

ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ซึ่งสมัยก่อนนั้นย้ายมาจากอินเตอร์ มิลาน เป็นการย้ายที่บวกกับการแลกตัวของศูนย์หน้าตัวเดิมของเค้าคือ ซามูเอล เอโต้ 

หลุยส์ ซัวเรซ ย้ายมาจากลิเวอร์พูล ซึ่งถือว่าเป็นการย้ายสุดคุ้มของทีมมนุษย์ต่างดาว เพราะตัวเค้าเองนั้นสามารถย้ายมาเป็นคู่ขาของ เมสซี่ ได้อย่างลงตัวมาก

เนย์มาร์ ย้ายมาจากซานโตส ซึ่งต้องบอกว่า ตอนที่ย้ายนั้น ทีมบาร์ซ่า ต้องทำศึกนอกสนามกับราชันชุดขาว ที่ต้องแย่งนักเตะคนนี้ แล้วสุดท้ายก็เป็นบาร์ซ่า ที่ได้ตัวเค้ามาครอง พร้อมกับสร้างตำนาน msn สามประสานในแดนหน้าให้กับยอดทีมทีมนี้เลย

ออสมา เดมเบเล่ ย้ายมาจากดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นการย้ายมาเพื่อเป็นตัวแทนของเนย์มาร์ ด้วยวัยเพียงอายุ 19 ปี นั้น ยังมีเวลาที่จะสามารถพัฒนาได้กันยาวๆ ในอนาคต

อองตวน กรีซมันน์ สิ้นสุดการรอคอยสำหรับนักเตะคนนี้ ที่มีข่าวมาตลอดตั้งแต่หลายฤดูกาลว่า เจ้าบุญทุ่มต้องการนักเตะคนนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งสุดท้ายรักแท้ ก็รอกันได้ และได้เจอกันสักที

ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ นักเตะที่ย้ายมาบาร์ซ่า พร้อมกับความคาดหวังที่มหาศาล แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะนักเตะคนนี้หลังจากที่โชว์กับทีมลิเวอร์พูลอย่างเทพนั้น แต่พอย้ายมาที่บาร์เซโลน่า กับยังไม่สามารถต้องทำผลงานได้ดีพอ ซึ่งก็คงต้องรอดูว่า ทีมมนุษย์ต่างดาว จะทำยังไงกับนักเตะคนนี้ในอนาคต

วิเคราะห์ทีมชาติฟินแลนด์

วิเคราะห์ทีมชาติฟินแลนด์ในศึกการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 2020

ทีมชาติฟินแลนด์กับสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในการแข่งขันรอบคัดเลือก เมื่อปีกลายที่ผ่านมาทีมชาติฟินแลนด์นั้นสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์ของกลุ่มเจผ่านเข้ารอบสุดท้ายการปีหน้านี้ได้เป็นผลสำเร็จโดยมีคะแนน ตามอันดับ 2 รองจากอิตาลีและมีคะแนนเหนือทีมชาติกรีซอยู่ 4 คะแนนซึ่งหมายความว่าทีมของพวกเขาสามารถหักอกทีมชาติกรีซซึ่งเป็นถึงอดีตแชมป์ยุโรปครั้งที่ 12 และทำให้ทีมชาติกรีซอกหักไม่สามารถ ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่ทีมชาติฟินแลนด์ได้มีโอกาสเข้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกโดยการจับสลากเมื่อปลายปีที่ผ่านมาในรอบสุดท้ายทีมชาติฟินแลนด์ต้องอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมชาติเบลเยียมรัสเซียและเดนมาร์กในกลุ่ม B ซึ่งนั่นหมายความว่าฟินแลนด์เป็นรองกับ 3 ทีมชาติที่เหลือที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนบ่อนเว็บพนันที่ถูกกฎหมายของต่างประเทศ

ได้ยกให้ฟินแลนด์มีอัตราการต่อรองที่แทง 1 จ่าย 251 ต่อในโอกาสที่จะมีโอกาสเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ซึ่งดูจากอัตราต่อรองแล้วนั่นหมายความว่าสื่อต่างประเทศมองไว้แล้วว่าฟินแลนด์คงทำได้เพียงแค่เป็นทีมไม้ประดับหรือเป็นตัวแจกแต้มของอีก 3 ทีมที่เหลืออย่างแน่นอนมาว่ากันถึงตัวนักเตะผู้เล่นของฟินแลนด์ชุดนี้ นำทัพโดย เตมูปุ้กกี้กองหน้าจากทีมนอริช

และโปรแกรมการแข่งขันของฟินแลนด์นั้นนัดแรกจะแข่งวันที่ 13 มิถุนายนเป็นการพบกันระหว่างฟินแลนด์กับเดนมาร์กสุนัขที่ 2 ฟินแลนด์จะต้องเจอกับทีมชาติรัสเซียในวันที่ 17 มิถุนายนและวันสุดท้ายฟินแลนด์จะต้องเจอกับยอดทีมแห่งยุโรปนั้นคือทีมชาติเบลเยียมในวันที่ 23 เดือนมิถุนายนมองดูดวงตามรูปการณ์แล้วว่าหากฟินแลนด์สามารถเก็บได้สัก 1 คะแนนก็ถือว่าเป็นแต้มแรกของพวกเขาในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเลยทีเดียวแต่ดูจากโอกาสแล้วไม่น่าจะมีความเป็นไปได้เพราะว่านัดแรกเจอผู้เล่นของฟินแลนด์ไม่น่าจะสามารถต้านทานทีมเดนมาร์คของ erikson  ได้หรือเจอทีมชาติรัสเซียก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งทีมหมีขาวแห่งนี้ได้

และยิ่งนักสุดท้ายฟินแลนด์ต้องพบกับทีมชาติเบลเยียมถ้าไม่แพ้เกิน 3 ประตู หรือว่าฟินแลนด์ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ใครจะรู้หลายๆครั้งฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมักจะมีทีม Surprise ชอบสร้างความอัศจรรย์ให้แฟนบอลทั่วโลกได้ยลโฉมกันมาแล้วอย่างยกตัวอย่างในปี 1992 ที่เดนมาร์กก็เคยสร้างเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์ยุโรปมาได้แล้วคราวนี้เซอร์ไพรส์อาจจะเป็นของฟินแลนด์ก็เป็นได้แต่เซอร์ไพรส์นั้นคงได้ทำเพียงแค่เข้ารอบ 2 ก็ถือว่าประสบความสำเร็จกับทีมชุดนี้แล้ว

สตีเว่น เจอร์ราด์ด หรือ สตีวี่

หากจะหาใครสักคนที่จงรักภักดีกับสโมสรใดสโมสรหนึ่งและสโมสรเดียว และเป็นนักเตะท้องถิ่นที่เกิดในเมืองนั้นๆ คงต้องมีชื่อของนักเตะคนนี้ติดโผอย่างแน่นอน เพราะชายคนหนึ่งเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรลิเวอร์พูลตั้งแต่ยังเป็นนักเตะฝึกหัด จวบจนเค้าประกาศเลิกเล่นและแขวนสตั๊ด

ซึ่งหาได้ยากกับยุคปัจจุบัน แต่เจอร์ราด์ ไม่เคยไปไหน ด้วยเหตุผลที่ว่า เค้ามีเลือดหงส์แดงอยู่เต็มตัว ซึ่งถ้ามองด้วยความสามารถของตัวเค้าเองนั้น เค้าสามารถย้ายสโมสรไปเล่นกับสโมสรอื่นบนโลกใบนี้ได้ทุกทีม และหากเค้าเอ่ยปากคำเดียว ทุกทีมบนโลกใบนี้ก็พร้อมที่จะได้เค้าไปเป็นกำลังสำคัญ ด้วยสไตล์การเล่นอันดุดัน

บวกกับความเป็นผู้นำของเค้านั้น ทำให้เค้าถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษและเป็นตำนานของสโมสร ด้วยตัวของเค้าเองนั้นได้ลงเล่นกับตำนานนักเตะของสโมสรลิเวอร์พูลมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร็อบบี้ ฟาวเลอร์ หรือสตีฟ แมคมานามาน จวบจนเค้าก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมและสวมปลอกแขนกัปตันทีม จนเป็นขุนพลระดับท๊อปๆ ที่เค้ามาเล่นคู่กับเค้ามากมาย อย่างเช่น ซาบี้ อลอนโซ่ , เฟอร์นันโด ตอรเรส หรือ หลุยส์ ซัวเรส ซึ่งตัวเค้านั้นพาทีมกวาดแชมป์มามากมายครบทุกถ้วย ไม่ว่าจะเป็น เอฟเอคัพ ลีกคัพ ยูฟ่าคัพ

หรือ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และแชมป์สโมสรโลก แต่สุดท้ายคนทุกคนก็ไม่ได้ดังใจหวัง เพราะตลอดอาชีพนักเตะของเค้านั้น ถ้วยใบเดียวที่เค้าอยากได้มากที่สุดยิ่งกว่า ถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก นั่นก็คือ ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ชิพ แต่นั่นก็ทำได้เพียงแค่ฝันเพราะอันดับที่เค้าได้เข้าใกล้ที่สุดคือ ตำแหน่งรองแชมป์ ในยุคของ แบรดนาร์ด ร็อดเจอร์ ซึ่งตัวเค้าเองนั้นยอมรับผิดไว้เพียงคนเดียว ทั้งๆที่เหตุการณ์นั้น เพื่อนร่วมทีมไม่มีใครว่าเค้าเลยสักคน นั่นคือเหตุการณ์ที่เค้าลื่นล้ม และโดนคู่แข่งฉกบอลเค้าไปยิง จนทำให้ทีมเสมอ และชวดแชมป์ในบั้นปลาย

จนทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องล้อเลียนและฝังใน เจอร์ราด์ มาตลอด และตัวเค้าเองก็รู้สึกว่า ถ้าวันนั้นเค้าไม่ลื่นล้ม เค้าคงได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ชิพไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ชายที่ชื่อ สตีเว่น เจอร์ราดด์ คนนี้ทำไว้ให้กับสโมสร ทั้งความรักและภักดีต่อสโมสร หรือแม้แต่แชมป์ต่างๆ มากมาย รวมถึงสิ่งสำคัญที่เค้าไม่เคยคิดที่จะย้ายสโมสรไปไหน ทั้งที่มียักษ์ใหญ่ให้โอกาสที่เค้าจะได้สัมผัสแชมป์ลีก แต่ตัวเค้าเองก็ยังคงรักสโมสร และพร้อมสู้เคียงข้างทุกฤดูกาล นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแฟนบอลหงส์แดงถึงรักเค้าสุดหัวใจ