ศึกส่วนตัวกับเมสซี่ยังคงดำเนินต่อไปสำหรับ คริสเตียโน่ ผู้ที่เสียตำแหน่งเบอร์หนึ่งของ 100 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลก ปี 2015 โดย FFT หลังจบฤดูกาลด้วยการคว้าน้ำเหลว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้อถกเถียงที่ใหญ่ที่สุดในวงการลูกหนัง คงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า “ใครคือที่สุดของโลก ระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ” โดยในเว็บไซต์ยอดฮิตอย่าง วิกิพิเดีย ถึงขนาดมีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยังมีความยาวเป็นอันดับ 6 ของสถิติบทความทั้งหมดเลยทีเดียว
ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ คือ ทั้งสองคนล้วนเป็นยอดมนุษย์ และควรได้รับการยกย่องในระดับเดียวกันทั้งคู่ แม้ว่าในช่วงนี้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกสจะฟอร์มตกลงไปก็ตาม..
ในช่วงเดือนที่แล้ว สารคดีชื่อ Ronaldo พึ่งถูกฉายเป็นครั้งแรก โดยเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเกี่ยวกับ ชีวิตในวัยเด็กของสุดยอดดาวเตะของ เรอัล มาดริด ก่อนที่จะเล่าเรื่องมาจนถึงชีวิตในปัจจุบัน..
มีอยู่ช่วงหนึ่งในสารดีที่ โรนัลโด้ ยอมรับว่า เขาอยากได้ บัลลังดอร์ มากขึ้นไปอีก แม้ว่าเขาจะได้ไปแล้วถึง 3 สมัยก็ตาม คำถามก็คือ จุดสูงสุดของ “ซีอาร์7” ผ่านพ้นไปหรือยัง?
หนึ่งขวบปีของโรนัลโด้
ที่จริงแล้วปีนี้ ถือเป็นปีทองของโรนัลโด้ได้เหมือนกัน โดยเมื่อต้นปี เขาได้รับรางวัลบัลลังดอร์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมกับได้รับการยกย่องให้เป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โปรตุเกสเคยมามีมา ก่อนที่ในเดือนพฤษภาคม อดีตขวัญใจ “ปีศาจแดง” จะได้รับรางวัลดาวซัลโวแชมเปี้ยนลีกอีกครั้ง พร้อมกับเบียดชนะ เมสซี่ ในตำแหน่งดาวซัลโว ลาลีกา สเปน และคว้ารางวัลมนุษย์ที่ยิงประตูได้มากที่สุดในลีกยุโรปเป็นสมัยที่ 4 นอกจากนี้เมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา เด็กฝึกของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็พึ่งทำสถิติเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก พร้อมทั้งโค่นสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของเรอัล มาดริดอีกด้วย โดยความผิดหวังในปีนี้ของเขามีเพียงอย่างเดียว คือ “รอนนี่” ไม่สามารถคว้าเกียรติยศระดับสโมสรกับ “ราชันชุดขาว” ได้เลย..
อย่างไรก็ตาม ในทุกเกมไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ภาพที่เรามักเจอ คือ โรนัลโด้ พยายามทำประตูอย่างเต็มที่ โบกไม้โบกมือขอบอลตลอดเวลา ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจ ฉลองการยิงประตูอย่างสุดเหวี่ยง ฯลฯ และไม่ว่าคุณจะรักหรือเกลียดเขา แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ…
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นนักฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดตลอดกาล ในความหมายที่มากกว่าฝีเท้าในสนาม ซึ่งแม้แต่ เมสซี่ ก็ยังไม่อาจจะเทียบได้ ด้วยหน้าตาที่เป็นที่หลงใหลของสาวๆ ความสูง กล้ามเนื้อ รูปร่าง ร่างกายที่ขนาดเพศเดียวกันยังต้องอิจฉา พรสววรค์และพรแสวงที่ไม่เคยมีสิ้นสุด ความมั่นใจ ความทะเยอทะยาน ความุมานะ ไม่ยอมแพ้ต่อเสียงโห่จากทั่วสารทิศ นอกจากนี้ เงินทองมากมาย สปอนเซอร์วิ่งรุมไม่เว้น แฟนคลับทั่วโลกที่ให้กำลังใจ และอีกมากมาย
บางที เราอาจจะบอกได้ว่า เขาน่าจะใกล้เคียงกับคำว่า “สมบูรณ์แบบ” ที่สุดในแง่ของชีวิตนักกีฬาคนหนึ่ง..
เติบใหญ่ด้วยเท้าตัวเอง..
มีแฟนบอลจำนวนมากที่ไม่ยอมรับในตัว “ซีอาร์7” แต่หากเราลองมองย้อนกลับไปดูวันแรกของเขา เราจะรู้ได้ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาไกลเกินกว่าที่หลายคนคาดคิดมากๆ
ลองดูเพื่อนซี้ของเขาอย่าง เวย์น รูนีย์ สิ ในวัยใกล้เคียงกัน ฟอร์มของกัปตันทีม “ปีศาจแดง” เป็นอย่างไร?
หลายคนคงหัวเราะ หากว่า เมื่อ 12 ปีก่อน มีคนบอกว่า ไอ้เด็กหนุ่มขี้ก้าง คนนั้นจะกลายมาเป็นสุดยอดนักเตะแบบไม่ต้องอายใคร ขณะที่ไอ้หนุ่มหุ่นตันๆอีกคนหนึ่ง ที่ได้รับยกย่องว่า เป็นเด็กอังกฤษที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ชนชาติของพวกเขาเคยมีมา จะกลับไม่เคยคว้าบัลลังดอร์แม้แต่ครั้งเดียว(ขนาดเฉียด ยังไม่เคยด้วยซ้ำ)
ดูง่ายๆ อย่างซีซั่น 2006-2007 ที่พวกเขาทั้งคู่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างเต็มตัว ปีนั้น โรนัลโด้ ที่ยังเล่นเป็นปีกอยู่ ซัดไป 23 ประตู จาก 53 เกม ส่วน รูนีย์ ก็ยิงได้เท่ากันที่ 23 ประตู จาก 55 เกม และตอนนั้นใครหลายคนคิดว่า สองคนนี้แหละ จะกลายเป็นดาวเตะระดับโลกไปอีกนาน..
กาลเวลาเดินทางมาครบ 10 ปี ทั้งคู่กลายเป็นกัปตันทีมชาติของตนเอง แต่ โรนัลโด้ เลือกจะเดินออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง ขณะที่ รูนีย์ ยังอยู่ที่เดิม พร้อมกับรับปลอกแขนกัปตันทีมมานอนกอดอีกหนึ่งตำแหน่ง(พร้อมค่าจ้าง สามแสนปอนด์ต่อสัปดาห์!)
เราคงบอกได้ไม่เต็มปากว่า รูนีย์ ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะ เขาก็กลายเป็นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของประเทศ และยังขาดแค่ไม่กี่ประตู เพื่อเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ “ปีศาจแดง” นอกจากนี้ ตลอดสิบปีมานี้ ดาวเตะพ่อลูกสอง ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในยอดนักเตะระดับโลกมาเสมอ
ทว่า หากมองมาที่ โรนัลโด้ แล้วละก็ หลายคนคงเสียดายพรสวรรค์ของเด็กฝึกจากเอฟเวอร์ตันเป็นแน่แท้ ทั้งหมดเป็นเพราะ พรสวรรค์ อย่างเดียว ไม่อาจทำให้คุณเก่งได้..
จากหนุ่มเปื้อนสิวขี้ก้างในวันนั้น กลายมาเป็น “ซีอาร์7” ในวันนี้ ผลพวงจากความพยายามและมุมานะ การฝึกซ้อมที่มากกว่าใครอื่นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ทำให้ โรนัลโด้ เป็น โรนัลโด้ ได้
บัลลังดอร์ 3 สมัยที่แย่งมาในยุคสมัยที่มี เมสซี่ อยู่ ย่อมพิสูจน์ว่า เขาไม่ใช่คนธรรมดา สถิติเป็นร้อยเป็นพันที่ถูกทำลายโดยเขา ที่เราเขียนกี่หน้าก็ไม่รู้จบ คือ คำตอบอย่างดีที่สุด
ถ้าไม่อคติจนเกินไป เราต้องยอมรับว่า ลิโอเนล เมสซี่ เป็นสุดยอดนักฟุตบอลพรสวรรค์(และพรแสวง)ตลอดกาล แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ควรจะได้รับรางวัลสุดยอดนักฟุตบอลพรแสวง(และพรสวรรค์)ตลอดกาลเช่นกัน..
ชีวิตหลังจากนี้
ช่วงหลายปีหลังมานี้ มีข่าวว่า กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ไม่ค่อยมีความสุขในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว มากเท่าไร ซึ่งนั่นทำให้ข่าวลือการย้ายทีมของเขามีมาอยู่เรื่อยๆ
และหาก ดาวเตะหมายเลข 7 เกิดย้ายทีมขึ้นมาจริงๆ ปลายทางของเขาที่อังกฤษคงหนีไม่พ้น แมนฯยูไนเต็ด ทีมรัก แต่ถ้าหาก โรนัลโด้ ต้องการแสวงหาความท้าทายใหม่ ตัวเลือกที่ชื่อ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็คงน่าสนใจที่สุด
ด้วยกำลังเงินจากเจ้าของทีม ทำให้ทีมดังแห่งฝรั่งเศสไม่มีปัญหาในการจ่ายค้าแรงให้ อดีตดาวรุ่งสปอร์ติ้ง ลิสบอน อย่างแน่นอน ปัญหาเดียวก็คือ หากเขาย้ายไปเล่นในลีกเอิง ก็เท่ากับลดโอกาสในการคว้าบัลลังดอร์ให้แก่ตัวเอง เว้นเสียแต่ว่า โรนัลโด้ จะพา “เปแอสเช” คว้าแชมป์ยุโรปมาได้ แต่ถ้าเขาทำได้ บัลลังดอร์ครั้งที่ 4 ก็คงไม่หนีเขาไปไหน
ในกุมภาพันธ์ ปีหน้า ดาวเตะเรอัล มาดริด จะอายุครบ 31 ปี แต่ด้วยการรักษาสภาพร่างกายที่ยอดเยี่ยม ทำให้หลายคนเชื่อว่า โรนัลโด้ ยังเล่นในระดับสูงได้อีกหลายปี ทั้งหมดก็อยู่ที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ และแฟนๆ“ราชันชุดขาว” ว่าอยากให้ “ซีอาร์7” กลายเป็นตำนานในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว หรือ ต้องการขายเขา เพื่อทำเงินเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะจบชีวิตค้าแข้งที่ไหน เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน จะมีนักเตะระดับโลกเกิดขึ้นมาอีกกี่คน ฯลฯ
ชื่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะอยู่เป็นดาวค้างฟ้าตลอดกาลและตลอดไปอย่างแน่นอน…